การย้อมผ้าครามในประเทศไทย

การย้อมผ้าครามในประเทศไทยเป็นงานหัตถกรรมที่สืบทอดองค์ความรู้ต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น

ถนนสายครามเริ่มต้นตั้งแต่การปลูกต้นครามไว้ในครัวเรือน รอเวลาเก็บเกี่ยว ต้นครามที่เก็บมาจะถูกนำไปหมักไว้โดยผ่านการผสมขี้เถ้า ปูนแดง ฯลฯ เพื่อมาทำให้เป็นเนื้อคราม โดยเนื้อครามที่ได้นี้สามารถเก็บใส่ภาชนะเช่นตุ่มไว้ได้เป็นปี และเนื้อครามส่วนที่จะมาก่อหม้อสำหรับย้อมผ้าก็ต้องมาผ่านการปรุงก่อน ซึ่งการก่อหม้อครามจำเป็นต้องมีขี้เถ้า น้ำตาล มะขามเปียก ปูนแดง ซึ่งว้ตถุดิบที่ใช้บางอย่างก็คือวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารไทยนั่นเอง ในแต่ละพื้นที่อาจใช้วัตถุดิบต่างกันออกไปเล็กน้อย แต่ยังคงต้องคำนึงถึงความเป็นกรดด่างที่ส่งผลกับหม้อความ หม้อครามต้องการการดูแลสม่ำเสมอ ต้องคอยหมั่นให้อาหาร เติมจุลินทรีย์เข้าไป เพื่อได้ได้หม้อครามที่ให้สีสวย ติดสีง่าย หากขาดการดูแลอย่างถูกต้อง หม้อครามก็จะตาย

วัตถุดิบที่ใช้ในการก่อหม้อครามและเมล็ดพันธุ์

การก่อหม้อครามให้ได้น้ำครามที่ให้สีสวยนั้นค่อนข้างยาก ต้องอาศัยความรู้ความชำนาญอย่างมาก รวมถึงยังขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลายอย่าง อาทิ เช่น อุณหภูมิ ความชื้น คุณภาพน้ำ และอื่นๆ อืกมากมาย

หม้อครามที่สมบูรณ์พร้อมในการย้อมผ้า

ความเข้มของสีครามที่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนหม้อครามที่เราใช้ในการย้อม ซึ่งบางครั้งอาจต้องย้อมถึง 10 หม้อ หรือย้อมหลายรอบเพื่อให้ได้สีที่เข้มมากๆ

การย้อมให้ได้สีเข้มจำเป็นต้องย้อมหลายๆ ครั้ง

การย้อมครามนั้นแตกต่างจากวิธีการย้อมสีธรรมชาติแบบอื่นๆ ตรงที่ครามไม่จำเป็นต้องพึ่งสารที่ช่วยติดสี อีกทั้งยังสามารถย้อมเย็นได้เลย ไม่ต้องใช้วิธีการต้มเหมือนการย้อมแบบอื่นๆ หลังจากย้อมจนได้สีที่เป็นที่พอใจแล้ว เพียงแค่นำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้าสูตรอ่อนโยนเท่านั้น 

 ผ้าย้อมครามธรรมชาติแท้ๆ จะยังคงมีกลิ่นของครามอยู่ในเนื้อผ้า ซึ่งเป็นกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถตรวจสอบว่าเป็นผ้าย้อมครามธรรมชาติแท้หรือไม่ เพียงถือผ้าไว้ใกล้จมูกแล้วสูดลมหายใจเข้าเบาๆ ก็จะได้กลิ่นของครามแล้ว และกลิ่นนี้อาจทำให้คุณนึกถึงบ้านไร่ปลายนาที่อุดมสมบูรณ์